เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๒๑ พ.ย. ๒๕๕๒

 

เทศน์เช้า วันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต. หนองกวาง อ. โพธาราม จ. ราชบุรี

 

เพราะว่าตั้งใจทำบุญไง เราตั้งใจทำบุญ มนุษย์สมบัตินะ ธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบอกว่า “เวลาเกิดมานี่เป็นอริยทรัพย์ ทรัพย์ของมนุษย์” ความได้เป็นมนุษย์เป็นอริยทรัพย์ มนุษย์สมบัติ.. ทีนี้มนุษย์สมบัติได้มาอย่างไรล่ะ นี่ศีล ๕ ถ้ามีศีลนี่เป็นมนุษย์สมบัติ ถ้าไม่มีมนุษย์สมบัติ เห็นไหม เราตายไปเราเกิดเป็นอะไรล่ะ เวรกรรมมันก็หมุนไปตามธรรมชาติของมัน

ว่าธรรมะเป็นธรรมชาติ เวรกรรมมันก็เป็นธรรมชาติอันหนึ่ง เราได้มนุษย์สมบัติเพราะอะไร เพราะว่าเราทำบุญกุศล บุญกุศลนี่เป็นการเสียสละ ใครเป็นคนเสียสละล่ะ เพราะใจเป็นอิสระ เวลาเกิดนะปฏิสนธิจิตมันไปเกิด เวลาปฏิสนธิจิต เวลาเกิดเป็นมนุษย์นี่ได้สถานะของมนุษย์มาเพราะอะไร เพราะเวรกรรม

นี่กัมมะพันธุ กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ กรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมดีกรรมชั่วไง พอกรรมดีกรรมชั่วเกิดมาแล้ว กรรมดีกรรมชั่วในปัจจุบัน ถ้าเรามีหลักมีเกณฑ์นะ คนมีจุดยืนสังคมสภาวะแวดล้อมมันเป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดาเลย เรามองเห็นเป็นเรื่องเล็กน้อยมากเลย แต่ถ้าจิตใจคนอ่อนแอ มันทนสภาวะสังคมบีบคั้นไม่ไหว เห็นไหม จิตใจเข้มแข็ง จิตใจอ่อนแอ

จิตใจเข้มแข็ง จิตใจอ่อนแอ มันเกิดมาจากไหน มันเกิดจากการตั้งสติ ทำสมาธิ แล้วนั่งภาวนา เพราะปัญญาเกิดจากการภาวนาอย่างเดียว เวลาการภาวนา เห็นไหม ถ้าจิตสงบปัญญามันจะเกิดขึ้นมา ปัญญาอย่างนี้ยังเป็นจินตมยปัญญาเพราะเรายังควบคุมไม่ได้ แต่ถ้าเรามีสติมีสมาธิขึ้นมา จนเกิดสติการควบคุมพาจิตออกทำงาน การออกทำงานของจิตนี่ภาวนามยปัญญา มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ที่ทางโลกนี้ไม่เคยเห็นกันหรอก

สิ่งที่เคยเห็นกันมันเป็นสุตมยปัญญา จินตมยปัญญา พวกนักวิทยาศาสตร์ พวกนักวิจัยต่างๆ มันเป็นจินตมยปัญญาทั้งนั้น ในจินตมยปัญญาถ้ามีสมาธิมีปัญญาแล้ว จินตนาการมันเป็นการทำให้จิตเพริดแพร้วมาก แต่เพริดแพร้วขนาดไหนมันหลุดจากฐานไปไง เพราะจินตนาการออกไปจากไหน? ออกไปจากจิต พอจินตนาการออกไปจากจิตมันจะกลับมาทำลายจิตได้ไหม เพราะมันออกไปจากใจ จิตนี้มันเป็นคนสร้างขึ้นมาเอง แต่ถ้ามีสติสัมปชัญญะมันย้อนกลับมา เห็นไหม นี่ภาวนามยปัญญาไม่ใช่จินตมยปัญญา

จินตมยปัญญาเป็นจินตนาการที่มีสมาธิ ดูสิ ดูจิตใจที่อ่อนแอ จิตใจเข้มแข็ง จิตใจที่มีวุฒิภาวะ ความจินตนาการของเขาเพริดแพร้วมาก แต่ถ้าจินตนาการของเรา เราก็จินตนาการแต่ในสิ่งที่เราต้องการปรารถนา แต่ถ้าจิตมันเป็นอิสรภาพขึ้นมานี่มนุษย์สมบัติ เพราะมีใจกับกาย ร่างกายนี้เป็นสถานะของมนุษย์ แล้วเราต้องทำคุณงามความดีของเรา

ถ้าเรามีสติสัมปชัญญะ สมบัติของเราคืออะไร? สมบัติของเรา เห็นไหม สมบัติอย่างนั้นเป็นสมบัติสาธารณะ สมบัติที่เราแสวงหามา มันมีความจำเป็นไหม? จำเป็นมาก ถ้าไม่เป็นจำเป็นนะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่บัญญัติไว้ในธรรมวินัย เวลาพระบวชต้องมีปัจจัย ๔ มีบาตร..อาหาร มีไตรจีวร..เครื่องนุ่งห่ม ยารักษา..น้ำมูตรเน่า มีเรือนว่างเป็นที่อาศัย

แม้แต่บวชแล้วพระเรายังต้องมีปัจจัย ๔ เลย แล้วเราเป็นฆราวาส เราเป็นปุถุชน เราจะแสวงหาที่อาศัย เราไม่แสวงหาสิ่งนี้ได้อย่างไร แต่แสวงหามาเพื่อความดำรงชีวิต เห็นไหม เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพูดถึงพระว่า

“ภิกษุทั้งหลาย เธอฉันเพื่อความดำรงชีวิต แต่โลกเขากินเพื่อเกียรติ กินเพื่อกาม”

นี่เขากินเพื่อเกียรติ เขากินเพื่อกาม กินเพื่อดำรงชีวิต ไอ้เกียรติไอ้กามนั่นล่ะมันทำให้เราทุกข์ยากไง แต่ถ้าเราดำรงชีวิต พระเราต้องมีสติปัญญา ฉันเพื่อดำรงชีวิตไว้เพื่ออะไร เพื่อแสวงหาสิ่งที่เป็นคุณงามความดีของเราจากภายใน นี้เราเป็นฆราวาสเราทำบุญของเราเพื่ออะไร เพื่อให้มีจุดยืนไง ถ้าไม่ทำคุณงามความดีใจมันจะไหลไปตามโลก ถ้าเราไม่มีฝืนไว้นะใจจะไหลตามไปเลย แล้วจิตใจพอไหลไปแล้วมันจะไหลไปเรื่อยๆ เราพยายามฝืนทนมันแล้วทวนกระแส

ทางโลกจะคุยกันมากว่าเราเกิดมาก็ทุกข์ยากแล้ว ทำไมเราต้องทุกข์ยากมากกว่านี้อีก นี่ทำคุณงามความดี กิเลสมันว่าเป็นทุกข์หมดล่ะ แต่ถ้าจิตใจเราทำจนเป็นความเคยใจ เห็นไหม กิเลสก็คือความเคยใจอันหนึ่ง แต่เราทำจนชำนาญ ทำจนเป็นปกติของเรา ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งใดมันจะขาดตกบกพร่องไป นี่จิตมีจุดยืนแล้ว ถ้าจิตมีจุดยืนนะ คุณงามความดีของเรามีจุดยืน เราต้องทวนกระแส

ปลาเป็นจะว่ายทวนน้ำ ปลาตายมันจะลอยไปตามน้ำนะ ถ้าปลาเป็นเราทวนกระแสของเรา ทวนจนเป็นจริตนิสัย เป็นความพอใจของเรา นี้บุญกุศลของเราเพื่อจะสร้างต่อไปข้างหน้า มันไม่มีที่สิ้นสุดหรอก เพราะอะไร เพราะเรายังไม่ถึงที่สุดแห่งทุกข์ ถ้าถึงที่สุดแห่งทุกข์มันจะถึงที่สุดของมัน

ดูสิ เวลาพระอรหันต์ สอุปาทิเสสนิพพาน ทั้งที่มีชีวิตอยู่นี่แต่กิเลสไม่มี ดูสิดูอย่างพระโมคคัลลานะเป็นพระอรหันต์นะ แต่ยังโดนเขาทุบตายเลย เห็นไหม สิ่งที่ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีกิเลสแต่โดนเขาทุบตาย นี่เหาะหนีไปได้ถึง ๓ หน แต่สุดท้ายแล้ว “อ๋อ.. มันเป็นกรรมของเราเอง” ทั้งๆ ที่เป็นพระอรหันต์นะ ไม่มีกิเลสไม่มีสิ่งใดเลย ทำไมโดนเขาทุบจนตายเลย

นี่ไงเพราะเศษของกรรม สอุปาทิเสสนิพพาน เวลาตายแล้วใครหาร่องรอยไม่เจอแล้ว เพราะจิต นี่ธาตุ ๔ และขันธ์ ๕ ภาราหะเว ปัญจักขันธา ขันธ์เป็นภาระ ธาตุ ๔ นี่เป็นภาระ ดูสิ ครูบาอาจารย์ท่านบอกเลย “ต้องพาอยู่พากิน อาศัยมัน ถ้ามันยังเข้มแข็งอยู่เราอาศัยอยู่กับมันได้ แต่วันไหนถ้าจิตถอดออกไป ถ้าถอนออกไปมันก็หมดอายุขัย มันก็ตายไป”

สิ่งที่ตายไป เห็นไหม สอุปาทิเสสนิพพานเพราะมันไม่มี ถ้าเราเป็นปุถุชนตายนะดวงจิตมันมี ดูสิ ดูอย่างภูติ ผี ปีศาจมันมี จิตวิญญาณมี ถ้าจิตเราออกจากร่างไปมันมีภพ มันมีสถานะ พอมีนี่มารมันยังควบคุมได้ มารมันยังดูแลได้ แต่ถ้าสิ้นกิเลสไปเพราะอะไร เพราะมันทำลายภพ ทำลายสถานะ ทำลายดวงจิตนี้เลย ทำลายหมด! มารถึงหาไม่ได้ มารหาไม่เจอ นี่ไงสิ้นสุดแห่งทุกข์ ถ้ายังไม่สิ้นสุดแห่งทุกข์เราต้องพยายามทำคุณงามความดีของเรา

คุณงามความดีเป็นสมบัติของเรานะ ศีลธรรมจริยธรรมในหัวใจมันตกผลึกในหัวใจ ในเมื่อมันยังมีจิตวิญญาณอยู่ จิตวิญญาณในปฏิสนธิจิต จิตมันยังมีอยู่ คุณงามความดีนี้มันขับไปในทางที่ดี ถ้าคุณงามความดีของเรามันไม่มี มันก็ทำตามกิเลส

กิเลสคืออะไร กิเลสคือความเคยใจ ความเคยใจคือความพอใจของมัน ความต้องการตามอำนาจของมัน แต่ถ้าเจตนาเป็นบุญกุศลล่ะมันขัดใจไหม เห็นไหม มันไม่ทำตามความพอใจของมัน มันไม่ได้ดั่งใจเราก็ต้องพยายามทำของเรา ฝืนมันไป ฝืนความรู้สึกของเราคือฝืนกิเลส ถ้าฝืนกิเลสจนชำนาญเป็นร่องรอย มีโอกาสได้ทำ เราทำของเราไปบ่อยครั้งเข้า นี่บุญกุศลเกิดที่นี่ นี่สิ่งที่เป็นคุณงามความดี

มนุษย์ เห็นไหม ถ้ามนุษย์ไม่มีศีลธรรมก็ไม่ต่างกับสัตว์ สัตว์มันอยู่ของมันโดยธรรมชาติของมัน สัตว์มันมีคุณงามความดีของมัน แต่มนุษย์เราถ้ามีศีลมีธรรมของเรา ทางโลก ใช่! เวลาเราทำธุรกิจของเรา เราทำหน้าที่การงานของเราเราต้องทันโลก เราต้องมีการแข่งขัน อันนี้มันก็เป็นของเรา เห็นไหม ดูสิดูเวลาพระอริยเจ้า ธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าบอกว่า

“อย่าดูถูกความนิ่งอยู่ของพระอริยเจ้า”

พระอริยเจ้านิ่งอยู่นะ อย่างพ่อแม่ดูการเคลื่อนไหวของลูกรู้หมดว่าลูกมันทำอย่างไรเป็นอย่างไร แต่พ่อแม่ก็นิ่งอยู่เพราะประสบการณ์ของลูกต้องน้อยกว่าพ่อแม่เป็นธรรมดา เพราะพ่อแม่ต้องผ่านโลกมามากกว่า กิริยาแสดงออกพ่อแม่รู้ทันหมดแหละ แต่พ่อแม่ก็ดูแลรักษาไว้เพราะเป็นลูกของเราใช่ไหม

นี่ก็เหมือนกัน ความนิ่งอยู่ของจิต จิตที่เป็นพระอริยเจ้า จิตที่นิ่งอยู่ เพราะพูดออกไปเขาไม่รู้กับเราได้ เขาจะว่าเราเป็นคนซื่อบื้อ ไม่รู้อะไรเลย พูดออกมาได้อย่างไร เสียสละได้อย่างไร ของๆ เราจะให้เขาได้อย่างไร ให้ไปแล้วมันได้ประโยชน์อะไร แต่ถ้าจิตใจเขาเข้ามาถึงที่เดียวกันแล้ว ของเสียสละเป็นของเราเพราะสิ่งนี้เป็นวัตถุใช่ไหม

จิตใจ เห็นไหม ดูสิดูอย่างวัตถุ ข้าวของต่างๆ ในโลกมหาศาลเลย แต่ถ้าคนมีจิตใจที่เป็นธรรมนะ เขาเจือจานกัน เขาดูแลกัน เขาไม่เอารัดเอาเปรียบกันนะ โลกจะร่มเย็นเป็นสุขมาก แต่ถ้าจิตใจคนเอารัดเอาเปรียบนะ กักตุนไว้คนเดียว ของตัวเองคนเดียวแล้วคนอื่นเขาไม่ได้ใช้สอยกับเราเลย เพราะหัวใจมันคับแคบไง แต่ถ้าหัวใจเป็นธรรมแล้วเราเสียสละไปเป็นของเราๆ เพราะอะไร เพราะได้จากมือเราไปเขามีความยิ้มแย้มแจ่มใสก็พอใจ เขามีความสุขนะ เขาคิดถึงเรา

นี่บุญของคนนะ คนไหนเป็นคนดีเรากลับอยากอยู่ใกล้คนดี คนไหนไม่ดี คนที่เอาเปรียบ เราจะไม่อยากเข้าใกล้คนที่เอาเปรียบใครเลย เห็นไหม นี่เป็นของๆ เราเพราะตรงนี้ไง เพราะการยอมรับของใจ นี่คืออำนาจวาสนา คือบารมี ถ้าบารมีมันเกิดขึ้นมา สิ่งนี้มันเป็นประโยชน์กับเรา เราฝืนทำของเราเพื่อประโยชน์กับเรา แล้วมันจะย้อนกลับมาจากภายใน

ถ้าภายในจิตใจเป็นสาธารณะ จิตใจที่มันเห็นแก่ตัวเวลานั่งสมาธิ ทำภาวนาเพื่อสร้างปัญญาขึ้นมา มันก็บีบคั้นเราเอง แต่ถ้าจิตใจเป็นสาธารณะมันเปิดกว้างอยู่แล้ว ถ้าเรานั่งสมาธิของเรา ทำปัญญาของเรา แล้วปัญญามันเกิดขึ้นมา นี่จิตใจสาธารณะมันไม่มีอะไรข้องใจ มันไม่มีอะไรเบียดเบียนใคร มันย้อนกลับมาในตัวมันเอง เห็นไหม นี่สติปัญญามันควบคุม แล้วพลังงานของจิตทวนกระแสเข้าไป ชำระกิเลสของเราเอง ไปถอดถอนในหัวใจของเรา

นี่คุณธรรมในพุทธศาสนาเรา ศาสนทายาท.. เวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมและวินัยไว้นี่ต้องการศาสนบุคคล ศาสนทายาท ถ้ามันเกิดขึ้นมา คนๆ หนึ่ง ดูสิเวลาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมขึ้นมาองค์เดียว เป็นครูของเทวดา อินทร์ พรหม ทั้งหมด เทวดา อินทร์ พรหม เขาได้สถานะนั้นมา เขาได้สถานะเขาก็มีความสุขของเขา แต่เขาต้องหมดวาระของเขาเหมือนกัน ไม่มีสิ่งใดคงที่ตลอดไป ถ้าเขาหมดวาระ เขาทำของเขาไม่ได้ เวลามาฟังเทศน์องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธจ้า จะมาฟังเทศน์เรื่องอะไร? ต้องอริยสัจ

ฟังเทศน์ เห็นไหม เพราะเขารู้อะไรล่ะ นี่เทวดา อินทร์ พรหม ได้สถานะอย่างนั้นเท่านั้นเฉยๆ เขาก็ใช้เวลาของเขาหมดไป เราก็ได้สถานะมนุษย์ของเราขึ้นมา นี่หน้าที่การงานมันมีนะ เวลามนุษย์มันเป็นอย่างนี้ มนุษย์มันต้องมีอาหาร เทวดาของเขาเป็นทิพย์หมด ทุกอย่างเป็นทิพย์หมด

ดูอย่างนรกอเวจีของเขา เวลาโดนทำร้ายโดนขนาดไหนด้วยกรรม แต่มันตายไม่ได้มันก็รวมขึ้นมาแล้วก็เป็นอีก ก็โดนซ้ำโดนซาก โดนซ้ำโดนซาก นี่มันโดยทุกข์ แต่โดยบุญกุศลก็เหมือนกัน แต่ของเรามันโดยการอาหารเป็นคำข้าว ปัจจัยเครื่องอาศัยมันต้องแสวงหา ความแสวงหามันบีบคั้นมา ถ้ามีสติสัมปชัญญะนะ มนุษย์นี่มีโอกาสมากกว่าเขา เพราะมันมีสิ่งเตือนให้เราระลึกถึงตัวเองหลายซับหลายซ้อน

เรื่องร่างกายของมนุษย์ เรื่องความคิด เรื่องอำนาจวาสนา เราเทียบเคียงกันนะ เราไม่เสมอคนนั้น เราต่ำกว่าคนนั้น เราไม่ดีกว่าคนนั้น อันนี้เราคิดไง แต่ต่ำสูงมันอยู่ที่ไหน มันอยู่ที่หัวใจเราสูงกว่า หัวใจเราดีกว่า แต่เราเสียสละมากกว่า แต่เขาว่าเขาสูง สูงนี่โดยทางต่ำของเขา เขาคิดว่าเขาได้ผลประโยชน์ของเขา เขาต่ำกว่าเรานะ แต่เราให้ค่าเราต่ำกว่าเขาเอง

แต่ถ้าเราจะไม่ให้ค่าต่ำกว่าใครเลย มันอยู่ที่หัวใจของเรา ถ้าพอเราเห็นแล้วเรามีปัญญารู้ทันมัน เราวางได้หมดแหละ เราประเสริฐตรงนี้ไง เราสูงสูงตรงนี้ไง เขาจะมีมากมีน้อยมันจิตใจของเขา มันเรื่องของเขา แต่ถ้ามันเรื่องของเรา จิตใจของเรา เรื่องของเรา เราดูแลของเรา รักษาของเรา แล้วจิตใจของเรา เราพัฒนาของเรานี่เรารู้ของเรา.. สูงต่ำมันอยู่ที่นี่ สูงต่ำ เห็นไหม ดูสิ สูงต่ำมันอยู่ที่ความรู้สึกของเรา มันเป็นประโยชน์กับเรา เราเข้าใจได้ พอเข้าใจได้เราก็แนะนำคนอื่นได้

ศาสนทายาท ตัวเองเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรนกกาจะอาศัย ถ้าเราไม่มีหลักมีเกณฑ์ของเราจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย.. นี่มนุษย์สมบัติ เราทำความดีเพื่อเรา สิ่งที่เสียสละไปมากน้อยขนาดไหนก็เป็นความดีของเรานะ มันเป็นนามธรรมเข้ามาในหัวใจ มันก็จะมีที่พึ่งอาศัย ไม่เดือดร้อนจนเกินไปนัก

คนดี คนที่มีบุญกุศล จะตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ แต่ทำไมทุกข์ขนาดนี้ล่ะ คนบ่นมากว่าทำแต่คุณงามความดีแต่ทำไมมันทุกข์ ทุกข์เป็นความจริง ทุกข์เป็นอริยสัจ ทุกข์เพราะเรายึด แต่ถ้าเราเข้าใจตามความเป็นจริงมันก็มีสภาวะแบบนั้น ดูอนาถบิณฑิกเศรษฐีสิ ขนาดว่าเขาเสียสละขนาดไหน แต่เวลากรรมเขามาต้องกินข้าวกับน้ำผักดองนะ แต่สุดท้ายแล้วเทวดา อินทร์ พรหม ส่งเสริมเขากลับมาเหมือนเดิม

นี่ไงคนเรามันต้องมีวิบากของแต่ละคนไม่เหมือนกัน จิตได้สร้างบุญกุศลมา และบาปอกุศลมาทุกๆ ดวงใจ ทุกดวงจิตจะมีความบกพร่องมา เราต้องรักษาของเรา ถึงเวลาเรามีวิกฤติในชีวิต เราจะต้องมีสติสัมปชัญญะ แล้วพาจิตใจของเราผ่านวิกฤติอันนี้ไป ถ้ามันไม่มีวิกฤติ ไม่มีความกระเสือกกระสนนี่ก็เป็นบุญของเรา เห็นไหม เราผ่านวิกฤตินั้นไปเพราะอะไร นี่มันทดสอบจิตของเราไง ถ้าเรามีวิกฤติแล้วเราไหลไปตามมัน ปัญหาอะไรก็ตามเราแก้ไขไปตามกิเลส แล้วมันก็เป็นกรรม มันก็เป็นวิบากต่อไปข้างหน้า

ถ้าเรารักษาของเรา ทำของเรา เห็นไหม พระอรหันต์ต้อง ๑ อสงไขย พระพุทธเจ้า ๔ อสงไขย พระอรหันต์ต้องแสนกัป การสร้างคุณงามความดีสืบต่อเนื่องกันไม่ขาดช่วงไป ชีวิตเราจะราบรื่นแล้วชีวิตเราจะมีจุดยืนของเรา แล้วเราภาวนาของเราจะเป็นประโยชน์กับเรา เพื่อประโยชน์กับเรา เอวัง